Language..

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

ตอนที่ 5.Venom - Wel come to hell




Studio album by Venom
Released December 1981
Recorded August 1981 at Impulse Studios in Newcastle, England
Genre Speed metal, thrash metal, black metal
Length 39:26
Label Neat
Producer Keith Nichol, Venom
Venom chronology
Demon
(demo, 1980)
Welcome to Hell
(1981)
Black Metal
(1982)


Credits

  • Keith Nichol – producer

Track listing

All songs written and composed by Bray/Dunn/Lant. 
Side A
No. Title Length
1. "Sons of Satan"   3:38
2. "Welcome to Hell"   3:15
3. "Schizo"   3:34
4. "Mayhem with Mercy"   0:58
5. "Poison"   4:33
6. "Live Like an Angel (Die Like a Devil)"   3:59
Side B
No. Title Length
7. "Witching Hour"   3:40
8. "One Thousand Days in Sodom"   4:36
9. "Angel Dust"   2:43
10. "In League with Satan"   3:35
11. "Red Light Fever"   5:14
Comes with a 12-page booklet. Some versions have slipcase cover.


ขอบคุณที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Welcome_to_Hell



†×† ..SoundOfMadness.. †×†

ตอนที่ 4.Dark Funeral - Secrets Of the black Arts



Studio album by Dark Funeral
Released January 28, 1996
Recorded June 1995 at The Abyss Studios
Genre Black metal
Length 40:53
Language English
Label No Fashion
Producer Dark Funeral, Peter Tägtgren
Dark Funeral chronology
Dark Funeral
(1994)
The Secrets of the Black Arts
(1996)
Vobiscum Satanas
(1998)

Personnel

  • Lord Ahriman – guitars
  • Blackmoon – guitars, vocals (10)
  • Themgoroth – bass, vocals
  • Equimanthorn – drums

Track listing

  1. "The Dark Age Has Arrived (intro)" – 0:16
  2. "The Secrets of the Black Arts" – 3:42
  3. "My Dark Desires" – 3:47
  4. "The Dawn No More Rises" – 4:00
  5. "When Angels Forever Die" – 4:07
  6. "The Fire Eternal" – 3:55
  7. "Satan's Mayhem" – 4:54
  8. "Shadows over Transylvania" – 3:41
  9. "Bloodfrozen" – 4:21
  10. "Satanic Blood" (Von cover) – 2:11
  11. "Dark Are the Path to Eternity (A Summoning Nocturnal)" – 5:59

Bonus disc

  1. "Shadows over Transylvania" – 3:41
  2. "The Dawn No More Rises" – 4:00
  3. "The Secrets of the Black Arts" – 3:42
  4. "Satan's Mayhem" – 4:54
  5. "Bloodfrozen" – 4:21
  6. "My Dark Desires" – 3:47
  7. "Dark Are the Path to Eternity (A Summoning Nocturnal)" – 5:59
  8. "The Fire Eternal" – 3:55



 ขอบคุณที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/The_Secrets_of_the_Black_Arts

†×† ..SoundOfMadness.. †×†

ตอนที่ 3.Retrospect - Unleashed






Unleashed (พ.ศ. 2550)

สังกัด Genie Records GMM. (วางแผง 27/04/2550)
  1. ลุกขึ้นสู้ (Feat.Screamlab)
  2. คนบนฟ้า
  3. ปล่อยฉัน
  4. ความฝันของเรา
  5. เพราะว่ารัก
  6. ให้ฉันลืมเธอ
  7. ขอ
  8. คืนแห่งความเหงา
  9. เปลือก
  10. ไม่มีเธอ (Bonus Track จากอัลบั้ม Showroom)
  11. สุดที่รัก
  12. ปล่อยฉัน Acoustic Version (Bonus Track)
Produced by : Danai Thongsinthusak Mixed by : Liam Laurence


สมาชิก


เกิดที่ ประเทศไทย กรุงเทพ ประเทศไทย
แนวเพลง แทรชเมทัล อัลเทอร์เนทีฟ เมทัล เมทัลคอร์ สปีดเมทัล เฮฟวี่เมทัล ฮาร์ดร็อก
ปี 2547-ปัจจุบัน
ค่าย จีนี่ เรคคอร์ดส
 

ประวัติ

เริ่มจากเกมส์ Counter strike แน็ป (ร้องนำ) ได้พบกับ บอม (มือเบส) ในร้านเกม จนเริ่มสนิทสนมคุยกันถูกคอและชอบตกปลาเหมือนกันจึงชวนกันไปตกปลา แล้ววันที่ไปตกปลากันแน็ปได้เอาวิทยุไปด้วย แล้วเอาเทปเป็นเพลงเฮฟวี่เมทัลไปด้วย บอมซึ่งชอบฟังเพลงแนวนี้อยู่แล้วก็เลยพูดออกไป "ชอบฟังเพลงแบบนี้เหมือนกันเหรอ มีวงไหม เราเองก็คิดจะทำวงอยู่ แน็ปเค้าบอกว่าไม่มี ก็มาลองรวมๆกัน" เริ่มแรกจะมีอยู่ 4 คน พี่บิ๊ก,แน็ป,บอม,น๊อต โดยใช้ชื่อครั้งแรกว่า Retrospect ซึ่งเกิดจากการจิ้มลงไปใน Dictionary โดนที่ตัว R ลองหาคำที่มันดูแตกต่างไปเจอคำว่า "Retrospect" ซึ่ง แปลว่า การหวนรำลึก,คิดถึงอดีต ซึ่งในขณะนั้นกระแส Pop มาแรงมากครองตลาดในตอนนั้นทำให้วงรู้สึกว่าอยากจะมองสวนกระแสกลับไป ดนตรี Rock ที่มันหายไปนานในช่วงเวลานั้น เลยใช้คำว่า Retrospect เป็นชื่อวงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกรอบ

วง Retrospect แต่ละคนเคยผ่านเวทีประกวดทางดนตรีมาทั้งสิ้น...
  • บอม (เบส) และเพื่อนๆจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ เคยผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ถึง 2 ครั้ง ใน Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งในขณะนั้นศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ครั้งต่อมาก็ ม.3 ซึ่งเป็นวงอายุน้อยที่สุดในขณะนั้นจนถึงปัจจุบันที่ผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย
  • น๊อต (กีต้าร์) พร้อมเพื่อนจากจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ ก็เข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 5
  • แน็ป (นักร้อง) พร้อมเพื่อนโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 6
  • เบิร์ท (กลอง) พร้อมเพื่อนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 7 ตามหลังแน็ปมา 1 ปี พอดิบพอดี

ก่อตั้งวง

วง Retrospect เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2544 โดยมีบิ๊กพี่ชายของมือเบสเป็นแกนหลักด้วยการทำเพลง แนว Industrial Metal และมีแน็ปเป็นผู้เขียนโปรแกรมจำลองเสียงกลองและบันทึกเสียง หลังจากนั้นบอม (มือเบส) และน๊อต (มือกีตาร์) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก สมาชิกในยุคแรกจึงมี แน็ป (กลอง-ร้องนำ) บิ๊ก (กีตาร์) บอม (เบส) และน็อต (กีตาร์)
ดนตรีของวงช่วงแรกเป็นดนตรีแนว Metal Core ที่ค่อนข้างหยาบกระด้างและมีกลิ่นอายของ nu metal ดิบและรุนแรง พวกเขาเริ่มเล่นตามงานเล็ก ๆ ต่าง ๆ ได้สักพัก จึงรับสมัครมือกลองเพิ่ม จนกระทั่งแน็ปได้พบกับเบิร์ธเพื่อนสมัยประถม ซึ่งเป็นมือกลองที่เคยประกวดที่ต่าง ๆ แน็ปจึงชวนให้สมัครเป็นมือกลอง และได้รับการคัดเลือก ต่อมามือกีตาร์ผู้ก่อตั้งวงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำให้ Retrospect เหลือสมาชิกเพียง 4 คน

เริ่มเป็นที่รู้จัก

กลางปี พ.ศ. 2546 Retrospect ได้ออก E.P. ชุดแรก โดยการชักชวน และแนะนำจาก สยาม ชุมทอง (ต้น Dezember) โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า E.P. For Your Ears Only โดยทางวงแต่งคำร้อง ทำนอง เรียบเรียงเสียงประสาน ตลอดจนบันทึกเสียง ออกแบบปก แผ่นซีดี และสกรีนแผ่นเองเป็นจำนวน 150 แผ่น เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกที่งาน Territory Metal Fest ในงานนี้สมาชิกได้พบกับวง Bikini ซึ่งเป็นที่มาของ Screamlab กลุ่มดนตรีที่มาจากการรวมตัวของวงดนตรี 4 วง ประกอบไปด้วย Bikini Retrospect Housetrap และ Sweet Mullet

ก้าวสู่ค่ายใหญ่

ปลายปี พ.ศ. 2546 Retrospect ได้รับคัดเลือกให้ไปเล่นคอนเสิร์ตในงาน Fat Festival ครั้งที่ 3 ทางวงจึงวางแผนที่จะนำอัลบั้ม E.P. ที่วางขายเมื่อปีที่ผ่านมามาจำหน่ายอีกครั้ง และเพิ่มเพลงพิเศษหนึ่งเพลง ใช้ชื่อว่า E.P. For Your Ears Anytime จำนวน 150 แผ่น ระหว่างที่ทางวงออกทัวร์เล่นคอนเสิร์ตในที่ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็มีค่ายเพลงมาทาบทามให้ไปร่วมเซ็นสัญญาอยู่บ้าง แต่มีเงื่อนไขว่าวงอาจต้องลดความดุดัน และความรุนแรงลง ซึ่งพวกเขาคิดว่าจะเป็นการเสียเอกลักษณ์ในการทำดนตรีของวง พวกเขาจึงตั้งใจผลิตผลงานเพลงและออกแสดงคอนเสิร์ตต่อไป และจากการแนะนำของ เต๋า นักร้องนำวง Sweet Mullet พวกเขาจึงได้พบกับพี่โน่ ดนัย ธงสินธุศักดิ์ โปรดิวเซอร์ค่ายจีนี่ เร็คคอร์ด ซึ่งทางเขากำลังมองหาวงดนตรีแนวทางใหม่ๆ และเพลงนอกกระแสหรือเรียกว่า Underground ให้ได้มีผลงานในค่ายใหญ่ จึงเริ่มทำ Demo นำเสนอต่อทางค่าย และได้เซ็นสัญญากับ Genie-Records (จีนี่ เร็คคอร์ด) ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2547 และได้ออกซิงเกิล "ไม่มีเธอ" อัลบั้มรวมศิลปินใน Show room vol.1 ถือว่าเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น และเป็นเหมือนผลงานสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้ออกอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง Retrospect ออกอัลบั้มครั้งแรก ในชื่อ อัลบั้มว่า Unleashed (อันลีชด์) เมื่อปี พ.ศ. 2550 ซึ่งนำดนตรีที่เรียกว่าแนวเมทัลคอร์มานำเสนอให้แก่สายตาประชาชนชาวไทยซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เพราะถือเป็นวงเมทัลคอร์ไทยวง แรก ที่นำเอาวัฒนธรรมคอนเสิร์ต แบบที่เรียกว่า Hardcore Dancing มาเผยแพร่ ซึ่งทำให้กลุ่มแฟนเพลงของพวกเขาแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จาก Retrorian กลุ่มเล็กๆ ออกไปสู่แฟนเพลงทั่วประเทศ และหลังจากที่พวกเขาออก อัลบั้ม Unleashed เพลงที่รู้จักกันดีในอัลบั้มนั้นได้แก่ เพราะว่ารัก ปล่อยฉัน เปลือก ไม่มีเธอ สุดที่รัก พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก กลายเป็นปรากฏการณ์อย่างนึงเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเพลง "ปล่อยฉัน" บทเพลงแรกที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างรุนแรงจากแฟนเพลงที่ร่วมโหวตทำให้ ฮิตทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 คลื่นวิทยุ Hot 91.5 และ Seeds 97.5 อย่างรวดเร็วถึง 2 ชาร์ตพร้อมกันและยาวนานติดต่อกันถึง 3 อาทิตย์รวด ด้วยค่านิยมแบบการแต่งตัวที่ทำให้เด็กวัยรุ่นในช่วงนั้นนิยมใส่เสื้อสีดำและ เสื้อลายสก็อต ทำให้เสื้อลายสก็อตขาดตลาดไปพักนึงเลยทีเดียว ด้วยทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ แนวดนตรีที่ไม่ค่อยมีกลุ่มคนเล่นกันในวงกว้างและดูน่าสนใจ เลยทำให้มีแฟน Retrorian เป็นจำนวนมาก มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของอัลบั้มแรกในเวลาต่อมาไม่นาน กับ "Retrospect The First Concert"
MRD#2 "The Brand New Blood" เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่ถือว่า Retrospect เป็นศิลปินหลักในการขึ้นโชว์ ร่วมกับพี่น้องศิลปินสายเลือดใหม่อีกสี่วง Sweet Mullet, Klear, No More Tear
ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตไปด้วย ก็ได้แต่งเพลง ทำเพลงกันไปด้วย จนกลางปี พ.ศ. 2551 พวกเขาก็ได้ออก อัลบั้มใหม่นั้นก็คืออัลบั้ม Rise (ไร๊ส์) และเปิดตัวอัลบั้มที่สองด้วยซิงเกิล แรกก็คือเพลง แค่นิยาย ในอัลบั้มที่สองมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางดนตรีเพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ที่ ทางวงตั้งใจไว้และเชื่อมโยงกับชื่ออัลบั้ม Rise ที่แปลว่า "การทอแสง" เพลงที่เป็นที่นิยมในอัลบั้มนี้ได้แก่ แค่นิยาย กลับมา ร้องให้พอ ซึ่งได้มีแขกพิเศษมาร่วมงานในอัลบั้มนี้ด้วย เช่น ดา (ธนิดา ธรรมวิมล) Endorphine, ยอด Bodyslam, Vietrio หลังจากออกอัลบั้ม Rise ได้ไม่นาน กระแสตอบรับค่อนข้างดีจนได้มีโอกาสเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สอง "Retrospect Rise Now!! Concert"
ต่อมากับอัลบั้ม Project "PLAY" พ.ศ. 2552 เป็น อัลบั้มพิเศษของทาง Gmm Grammy ที่จัดขึ้นมาเพื่อฉลอง 25 Gmm Grammy โดยอัลบั้มนี้จะอยู่ในหมวดของ Rock โดยให้แต่ละศิลปินได้เลือกเพลงเก่าของตำนานของ Gmm Grammy มา Cover ใหม่ ให้เป็นแนวของศิลปินเอง โดยทางวงได้เลือกเพลง ละคอนฉากสุดท้าย ของ นันทิดา แก้วบัวสาย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา Retrospect ก็ได้ถูกจับตามองโดยทีมงานการจัดงาน "วัคเค่น" (Wacken Open Air) หรือ "W:A" และถูกเทียบเชิญให้ไปเล่นในงาน Wacken2009 ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2552 ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น มีแฟนเพลงที่เป็นชาวต่างชาติ และได้สร้างความภาคภูมิใจ นำธงชาติไทยไปโบกสะบัดอย่างสง่างามบนเวที ท่ามกลางฝูงชนที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก
มีนาคม พ.ศ. 2553 Retrospect ได้ปล่อยซิงเกิลแรกในอัลบั้มที่ 3 ออกมา "ศรัทธาแห่งรัก" ด้วยแนวเพลงที่เปลี่ยนไปอย่างมาก นำเสนอแนวเพลงในยุค 80 - Rock'n Roll โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการนำเพลงในช่วงนั้นกลับมาให้เด็กวัยรุ่นในยุคนี้ได้ รู้จักเพลงร็อคเก่าๆ กันอีกครั้ง ด้วยท่วงทำนองที่ไม่คุ้นหูเลยทำให้เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง ในช่วงปลายปี Retrospect ได้ฤกษ์วางแผงอัลบั้มอีกครั้ง กับอัลบั้ม The Lost souls (เดอะล๊อสโซลส์) เพลงที่เป็นที่นิยมได้แก่ ศรัทธาแห่งรัก, คือเธอใช่ไหม, รบกวนจำใส่ใจ, ให้โลกรู้ Feat. ปู Black head, กอดตัวเอง


จากผู้เขียน : อัลบั้มนี้ เป็นครั้ง ที่ 3 ที่ผมเปิดหูเข้าไปฟัง เอ่อ ตอนนั้นก็ อายุ 18 ปีเห็นจะได้ คือเพลงแรกมันหนักมากอะ ชื่อเพลง ไม่มีเธอ จากอัลบั้ม Showroom 1 ซึ่งก็ทำเอาคอ อินดี้ และ เพลงใต้ดิน เริ่มรู้จักและสัมผัสกันมากขึ้น ในอัลบั้ม Showroom 1 นั้น วงเด่น ๆ ก็น่าจะมี Sweet Mullet,Retrospect เห็นจะได้ ด้วยความที่การแต่งตัวแปลกใหม่ และ การกระชาก ว๊าก ผสมกับเพลงที่หนัก ๆ ชวนโยก และ แปลกหูเลยทำให้ Retrospect และ Sweet Mullet ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในกลุ่มวัยรุ่น (แต่สมัยนั้นผมเองก็ยังไม่เข้าใจอีกแหละว่า Metal คืออะไร) แล้วผมก็ตามฟังมาเรื่อย จากไม่มีเธอ มา ปล่อยฉัน มา EP.1 ปกแดง แล้วก็ครั้งล่าสุด คอนเสริฐเปิดพรมลิขิตของ Bigass ก็ทำให้แฟนเพลง ได้รับการตอบสนองมากขึ่นเรื่อย ๆ ด้วยท่าทีการร้องการสำรอก บวกกับ การแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ (เสื้อลายสก๊อตกางเกงขาเดฟ) ทำให้วัยรุ่นสมัยนั้นคลั่งและเอามาเป็น Idol กันมากพอสมควร ซึ่งผมเองก็ซื้อมาฟัง ในอัลบั้ม ที่ 3 Unleashed นั้น ด้วยราคาเพียง 180 บาทเห็นจะได้ ถ้าให้ไปตาม ซื้อ EP.1-2 คงไม่ทันหรอก เพราะทางวงเองทำออกมาขายเฉพาะงานเฟสติวัลเท่านั้น เลยได้แค่ อัลบั้ม 3 กับ CD Concert Unleashed ไว้ก่อน ซึ่งก็ได้ติดตามผลงานทางวง มาเรื่อย ๆ แต่ช่วงหลัง ๆ ทางวงมีแนวทางใหม่มากขึ้น ความหนักหน่วงในอดีต กับ คำร้องที่แข็งกร้าวก็ลดลงมาได้ซักระยะ เพราะ จะเน้นไปทาง Hard Rock คล้าย ๆ กับ Metallica อัลบั้มหลัง ๆ ก็น่าจะใช่ ... เออ แล้ว ทางวงเองเคยได้รับการเชิญทาง Email และ Myspace ให้ไปเล่นโชว์ในเทศกาล Wacken 2009 ที่มีวงดัง ๆ อย่าง Machine Head,Bring Me The Horizon,Motorhead,Hammer Fall และอีกเพียบที่มิได้เอ่ยถึง ก็ถือว่า ได้รับการตอบรับ และประสบความสำเร็จอย่างมาก จนไปถึง ต่างประเทศ น่าจะเป็น วง ไทย วง แรก ๆ ( ร๊อควัยรุ่น ) ที่ได้รับการเชิญให้ไปเล่นในเทศกาลดี ๆ แบบนี้ ผมเองก็ดีใจด้วยครับที่ทางวงทำสำเร็จ ไม่นึกว่าซาวด์จะเจ๋งขนาดไปต่างประเทศ ...



 



ทีนี้พอหลังจาก วง Retrospect ได้ทำ MV และ ผ่านเรื่องราวชีวิตมาได้ซักพัก ซึ่งก็ออกเพลง เหนื่อยใหม่หัวใจ กับ เจ็บกว่าเธอคือฉัน ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งจากตัวผมเองฟังก็ถือว่า ผ่านเลยแหละ ทั้งกระเดื่อง บวกกับเนื้อเพลง MV และจุดยืนของวงก็ทำออกมาได้ ไม่น้อยกว่าต้นฉบับเดิมเลยทีเดียว และหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ก็ยังคงดู Retrospect ผ่าน Facebook,Myspace,TV,CD - DVD ต่อไปและเป็นกำลังใจให้วงไทยรุ่นใหม่ ได้เติบโตไปสู่ต่างประเทศและได้รับการยอมรับมากขึ้นครับ



†×† ..SoundOfMadness.. †×†

วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557

ตอนที่ 2.Opportunity - เปลวปฐพี (Northern Thai Thrash - Core)



Line Up.
Max : Vocal
Earth : Guitar
Winnie : Guitar
Billy : Sass
Mills : Drums

Born : Chiangmai / Thailand
Records : Unsign
Live In : Chaingmai / Thailand

Track : เปลวปฐพี
1. Opportunity - 01 Intro (0:51)
2. Opportunity - 02 วิญญาณ (4:32)
3. Opportunity - 03 เศษสวะ (3:25)
4. Opportunity - 04 บัลลังค์ (4:22)
5. Opportunity - 05 เปลวปฐพี (4:14)
6. Opportunity - 06 จองเวร (5:47)
7. Opportunity - 07 ปล่อย (4:04)
8. Opportunity - 08 Dog Nation (4:25)
9. Opportunity - 09 จัญไร (3:35)
10. Opportunity - 10 สันติภาพ (3:45)

อัลบั้ม "เปลวปฐพี "
บรรจุ 10 เพลงเมทัลไทย ที่จะทำให้คุณสะใจและปลดปล่อยได้บ้างกับความวุ่นวายของคนในสังคม
และอาจจะร้องตามในบางท่อนโดยไม่รู้ตัว กับ"คำพูดบางคำ"ที่ต้องรอวันใช้


"Opportunity"
จากซ้าย กันต์ / Guitar - บาส / Drum - แม็ค / Scream - ปลั้ก / Bass - เอิรท์ / Guitar
วงดนตรีเมทัลน้องใหม่ ไฟแรง ที่แต่ละคนยังอยู่ในวัยเรียน แต่ในตัวเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทางดนตรี
ที่กำลังร้อนแรง เมื่อมารวมกัน ก็เกิดไฟลูกใหม่ที่เจิดจ้าอย่างแรงกล้า กลายเป็นอีกคลื่นลูกใหม่ของดนตรีเมทัลไทยในปี 2007
"เปลวปฐพี" อัลบั้มแรกของวง มีภาพความมันส์ระดับ 5 ดาว ในสไตล์ " Thrash Core " สื่อเรื่องราวของความร้อนแรง
ของสังคมในขณะนี้...ด้วยสไตล์และลีลาที่ไม่เหมือนวงใดในสยามประเทศ...ดนตรีในชุดนี้ทั้งหมดเกิดจากการทุ่มเท
ของแต่ละคน หล่อหลอมร่วมกัน เป็นแรมปี สิ่งที่จะได้ฟังเป็นอารมณ์และความเป็นล้วนๆ ของพวกเขา ที่เราอยากจะนำเสนอและให้โอกาสในการก้าวต่อไป...
ดนตรีของ Oppotunity เป็นแนวเมทัลที่มีกลิ่นผสมของแธรชเมทัลที่มีความเร็วอยู่ในระดับปานกลาง ผสมกับ ฮาร์ดคอร์ ด้วย
เสียงคำรามแบบระห่ำ..โหด ปะทะกับริฟกีตาร์-เบส-กลอง ที่อัดกันเต็มๆแบบไม่ยั้งมือ..แบบ...
" Thrash Core "
Opportunity นำทีมโดยเิอิร์ท>ไตรภพ-กีตาร์ และสมาชิกอีก 4 กันตพงษ์/กีตาร์ - ยุทธการณ์/ร้องนำ - ภัทร/กลอง - ณัฐนนท์/เบส
สมาชิกทั้ง 5 รวมกันแน่นปึกแบบเพื่อนสนิทและออกตระเวณเล่นในงานดนตรีเมทัลหลายแห่งทั้งเชียงใหม่และกรุงเทพและ
สุดท้ายที่ Immotal Bar ...หลังจากนั้นทั้งหมดก็ได้เข้าสตูดิโอ เพื่อทำผลงานชุดแรกของวงกับ DayOneRecords ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้ง 5
ตั้งใจและใฝ่ฝัน ที่จะให้มีอัลบั้มแรกของวง และมุ่งมั่นบนเส้นทางเมทัลไทยต่อไป...

จากผู้เขียน : อัลบั้มนี้ก็ออกมานานพอสมควร ตอนนั้นจำได้ผมอยู่ มหาลัย ปี 1 ได้ ก็เก็บเงินไปซื้อที่ DJ Siam ตอนนั้นใส่ขาเดฟ อายุก็ประมาณ 21 ปี ฮ่า ๆ ๆ ๆ (แอบหัวเราะตัวเอง) แบบว่าอยากฟังมาก เพราะสมัยนั้นไม่มีให้โหลดเลย นอกจาก ซื้อเอง แต่ราคาเปิดตัวแค่ 180 บาทเองเห็นจะได้ ก็ถูกมาก ๆ เลยนะ ถ้าเปรียบกับ อัลบั้มเพลงเมทัลต่างประเทศ ซึ่งราคาจะอยู่ราว ๆ 280 - 850 บาท ส่วนมากจะเป็นของผลิตแล้วส่งเข้ามา จำได้ ที่ซื้อเพลงเมทัลมาฟังสมัยอายุ 19 ปี ก็ มีแค่ 4 ร้าน J.U. (เจ๊จู พันธ์ทิพย์ชั้น 2) ตอนนี้เจ๊แกไปสบายดีแล้วครับ ก็ไม่ทราบว่าตอนหลังเจ๊เทคโอเวอร์ร้านให้ใครรับช่วงต่อไม่ได้สืบประวัติเท่าไหร่ .. ร้านที่ 2 ก็ DJ Siam ตรงลานน้ำพุ เยื้ยงเข้าไปหน่อยเป็นร้ายขาย CD DVD เพลงมากมายเลย ส่วนมากร้านพี่แกจะขายเพลงแนวใต้ดิน ไม่ก็เพลงที่หายาก ๆ อะว่างั้น Dajim บ้าง Scorpion บ้าง (ระหว่างเขียนบล๊อกไปก็ฟังไฮร๊อคไปด้วย ฮ่า ๆ ๆ ๆ ) เสร็จ ร้านที่ 3 ก็น้องท่าพระจันทร์ อาเฮียชื่ออะไรจำไม่ได้ ที่ร้านแกจะมีเพลงเยอะมาก ส่วนมากจะเป็นเพลงต่างประเทศเหมือนกัน เออ ราคาก็นี่แหละมาตราฐาน ตอนนั้น ก็ไปสอยมา หลายสิบแผ่นเลย เฮียแกพูดเก่งนะ อัธยาศัยดี แต่ที่ร้านมีแต่แผ่นเพลง กับบัตรคอนเสริฐ ไม่มีหนังสือ นิตยสารเท่าไหร่ ส่วนร้านที่ 4 ก็ อาจาร์พลของผมเอง ที่คลองถม ร้านแกจะมีเพลงต่างประเทศเก่าใหม่เยอะมาก ๆ และแกจะเปิดสอนดนตรีด้วย ...

กลับมาที่อัลบั้ม เปลวปฐพี อัลบั้มนี้ก็เนื้อหา โดนใจสุด ๆ เหมือนกัน ด่าสังคมแบบตรง ๆ แรง ๆ เสียงสำรอกฟังยังไงก็ไม่ใช่ Screammo แน่ ๆ จะเน้นไปทางฮาร์ดคอร์ซะส่วนใหญ่ เออ แล้วก็ฟัง 3 - 4 ครั้งเก็บใช้น้ำยาเช็ดเลย กลัวแผ่นเป็นรอย อิอิ เสร็จ ก็ยังคงรอดูผลงานทางวงเรื่อย ๆ ว่าจะออกอัลบั้มเต็มมาเมื่อไหร่ ตอนนี้ทางวงก็มี แต่ Release ออกมา คง ไม่ค่อยหวังยอดขายเพราะ Metal ถ้าหวังยอดขายละก็โตยากจริง ๆ ครับ บ้านเรา ถ้าไม่ดังอย่าง Canibal Corpse หรือ Destruction,Viral Remains,Megadeath ไปเลยก็คงจะแสดงได้แค่ในผับแล้ว คนกลุ่มฟังเล็ก ๆ แต่ก็สู้ต่อไปครับ ยังไง ผมเองก็ฟังทุก วงอยู่แล้ว ไม่แอนตี้คนรักดนตรีไม่ว่าจะแขนงใหนก็ตาม..


†×† ..SoundOfMadness.. †×†

วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

มาดูเพลงที่อยากจะแนะนำกันดีกว่า ตอนที่ 1.Vital Remains - Icon Of Evil













Line Up.
Vital Remains
Production
  • Shawn Ohtani – engineer
  • Erik Rutan – producer, engineer
  • Alan Douches – mastering
  • Kris Verwimp – artwork, cover art

Track listing

All songs written and composed by Tony Lazaro and Dave Suzuki. 
No. Title Length
1. "Where Is Your God Now"   1:54
2. "Icons of Evil"   7:35
3. "Scorned"   8:42
4. "Born to Rape the World"   8:11
5. "Reborn... the Upheaval of Nihility"   7:43
6. "Hammer Down the Nails"   6:12
7. "Shrapnel Embedded Flesh"   6:48
8. "'Til Death"   9:14
9. "In Infamy"   6:17
10. "Disciples of Hell" (Yngwie Malmsteen cover) 4:54
Total length:
67:19


Studio album by Vital Remains
Released April 3, 2007
Recorded December 2006 at Mana Studio, in St. Petersburg, Florida
Genre Death metal
Length 67:19
Label Century Media
Producer Erik Rutan


ตอนแรก จำได้ที่หัดฟังเพลงก็จำพวก เพลง ป๊อป ร๊อค บ้าง .. คือเนื้อหามันจะวนไปวนมา ซ้ำ ๆ ไม่ค่อยมีอะไรที่พูดถึง ความ สกปรกของสังคม ของด้านมืดของมนุษย์ ซึ่งในความเป็นจริง แล้ว มันอยู่รอบ ๆ ตัวเราในทุก ๆ วัน เพียงแต่เรากลับมองข้ามมัน แล้วหยิบสิ่งที่เรียกว่า ภาพลวงตาที่ สังคมประเคนให้ โดยที่ลืมความจริงไปว่า มันไม่ได้มีแต่ด้านสวยงาม ... ก็เลยรู้สึกว่า มันพอแล้ว สภาพจิตใจเรา ไม่สามารถที่จะหลอกตัวเองได้อีก ก็เลยหันมาลอง ๆ ทำความรู้จักกับ เพลงที่เรียกว่า Metal ดู...

เป็นคนที่ไม่ชอบฟังเพลงมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากเป็นคนแข็งกระด้าง และ ไม่ค่อยชอบความอ่อนไหว ในการฟังเพลงแล้วเคลิ้ม มันทำให้เราเป็นคนอ่อนแอ เพราะตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่มักจะซึมซับอะไรได้ง่าย ในเรื่อง เลวร้าย ในเรื่องดี ๆ .. แต่ พ่อก็ชอบเล่นดนตรีมาก อันนี้ไม่รู้ว่าเราจะได้ตรงนี้มาหรือเปล่า ...

พอฟังเพลงตลาดไปซักพัก ก็รู้ว่าเอ่อ มันชักจะเบื่อเลยหันลองไปฟังพวก Guns N' Roses,Led Zeppelin,Black Sabbath,Deep Purple,UFO,Jemi Hendrix, ก็เลยอ๋อ ทำไมมันต่างกันจังเลยวะ เพลงต่างประเทศเนี่ย มันคล้าย ๆ กับนอนดูหนังไปเลย ไรงี้ ท่อนโซโล่ ก็จะยาวเอาเป็นเอาตาย 3-5 นาทีไปเลย แบบ ทุกเม็ดออกมาเนี่ย เราเล่นไม่ได้เลย ถึงกับอึ้ง โอว.. นี่มันเพลงอะไรกันแน่ มีเพลงแบบนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ ?? ตอนแรกก็ลองฟัง ไม่หนักมาก เพราะไม่เข้าใจว่า เพลงหนัก จะสื่อถึงอะไรกันแน่ ...

มักจะเห็นมีแต่พวกเด็กแว๊นที่ใส่เสื้อดำ ๆ แต่งตัวพังค์ ๆ ไอ เราก็คิดว่า พวกฟังเพลงหนัก น่าจะเป็นพวก เด็กไม่เอาใหน กระมัง .. ก็เลย ไม่ใส่ใจอะไร.. ค่อยมาเขียนต่อใน ตอนต่อไปละกัน ...


†×† ..SoundOfMadness.. †×†


บทความ DiaryOfDarkness(Old Book) P.3

 รูปภาพ : .. ด้านมืด และบทเพลงแห่งด้านมืด ปราชญ์และศาสตร์มืด เป็นเพียง ที่ ๆ พักผ่อนหลับนอน ให้แก่ด้านที่ข้าพเจ้าอย่างเสรี เกื้อหนุน เป็นที่ ๆ ปลอดภัยยามข้านั้น หมดศรัทธา และมอบพลังให้ข้า มีแรงที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางที่แสนจะสกปรก ที่มนุษย์นั้น ทิ้งร่องรอย และความด่างพร้อยเอาไว้ .. ข้ามิใช่จัก แค่ใส่เสื้อ ฟังเพลง แล้วคลุ้มคลั่งไปกับมันโดยที่มิเคยได้ศึกษาอย่างแท้จริงว่า ศาสตร์ด้านนี้มิใช่แค่เพลง ที่ข้าพเจ้าเจอนั้น มีเหตุชีวิตให้ต้องพบเจอ บอกตรง ๆ ข้าพเจ้ามิเคยชอบเพลงแนวนี้ศาสตร์ด้านนี้ และไม่เคยคิดจะฟังมันแม้แต่น้อยแต่ชีวิต ก็มีเหตุต้องเป็นไป . . ...วิถีชีวิตที่เงียบ สงบ และอิงธรรมชาติ การหลุดพ้นดั่งที่ Gaahl แห่ง Gorgoroth ได้กล่าวเอาไว้ . . จากกรอบแห่งความวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ที่ไม่รู้จักจบสิ้น ของวงจร อุบาทว์ ด้านของโลกีย์ ที่มนุษย์ ได้ประเคนให้ ไม่เว้นแต่ละวัน ... มนุษย์ มีแต่ความโลภ และความต้องการ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด . . โลกประเคนให้ไม่เคยรู้จักคำว่าพอ . .  แต่ข้าพเจ้าก็เอ่ยถึงแค่คนบางชนชั้นเท่านั้น เพราะคนดี ๆ ก็ยังมี พอจะมีบ้าง ...ที่เป็นมิตรสหายได้ ... ส่วนไอ้การกระทำที่ Maleficent Meditation ไอเศษมนุษย์ และเด็กอมมือ ที่เข้าใจ และทึกทักไปเอง ว่าซาตานเป็นแบบนั้น แบบนี้แล้วก็ไปฆ่าคนไม่ต่างจากเดรัจฉานที่ทำตัวนึง ... ก็ขอให้มัน ได้รับผลแห่งการกระทำ จากตัวของมันเองแล้วกั้น ผลแห่งการกระทำทุกอย่าง มันจะถูกลิขิตเอาไว้แล้ว...

โลกที่เงียบสงบหลังจากพายุได้พัดเข้ามา โถมใส่ชีวิตข้าพเจ้านั้น มันหนักหนาสาหัส จนบางครั้ง ก็ไม่เหลือความเชื่อ และศรัทธาในตัวมนุษย์ผู้ใดได้อีก ... ผู้ที่ทำชั่ว ก็จะไปตามกรรมที่กระทำของมัน ผู้ที่ทำดีก็จะได้รับสิ่งที่ดีตอบแทน ฉันใดฉันนั้น ... ผู้ใดกระทำและฝักใฝ่สิ่งใด ค้นหาสิ่งใด ก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน ไม่เร็ว ก็ช้า เพราะมันได้จัดสรรไว้ล่วงหน้าแล้ว ... ดั่งที่ข้าพเจ้า มาเจอกับพวกท่าน อาเมน ...

...ศาสตร์แห่งด้านมืดแล้วแต่ แต่ละคนจะเข้าใจมันในด้านใหน บางคนก็กลายเป็นอันธพาล เป็นหัวรุนแรง บางคนเป็นนักปฏิวัติ บางคนชอบในการสะสมศิลปะ บางคนแอนตี้มนุษย์ และบางคนเป็นผู้เผยแพร่ แล้วแต่จะออกมาเป็นรูปแบบใหน ... 

ข้าเองเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบ บนเส้นทางที่สร้าง และใช้วิถีชีวิต ควบคู่ไปกับมัน และศึกษาไปกับมัน อะไรจริง อะไรกระแส อะไรของเก๊ และอะไรคือ ศาสนา ... เพราะข้านั้นศึกษากับมันเป็นเวลาเกือบ 10 ปีเห็นจะได้... ขอบคุณที่ให้จิตใจข้าพเจ้าเป็นที่หลับนอนและมอบความแข็งแกร่งให้ตลอดมา อาเมน ...

Letter from lucifer . . .(Lux - Ferrer)
Song of .. the dark side and the dark side. Sages and dark is just a place to sleep and relax . To the side that I freely suspended is the security guard then put my faith and gave me strength . Have the strength to walk on a path that is very dirty. The man then left the tracks and I will not blot out .. I put music to it by the weird and never really studied it. Science is not just a song Then I met There is a life to be honest , I have never found like this, the unique music . And never to listen to it even though life. Because it has to be ..... quiet and nature-based lifestyle . Salvation , just as Gaahl of Gogoroth have mentioned .. from the chaos of clutter prolonged bouts mundane aspects of the human being spoon-fed the eviscerated ... but greed and human needs. Endless trays .. the world has never known the word .. but as I mentioned just a few classes because I would still have enough to have some friends ... that is it ... the bastard . action Maleficent Meditation vapor fraction and infantile human understandable and arrogate to themselves. That Satan is, This was to kill people, not unlike the beast that made me ... I wish it had been the result of the action. Of its own, then the stem . Consequences of every action It is already destined ...

The quiet after the storm blew through . I then threw your life It's tough sometimes to not have faith. And faith in a man who has another ... who do evil deeds will follow the action of it. Those who do good will receive good things in return ... so I am a man , and concentrate on what Kierkegaard would have them return sooner or later because it was allocated in advance ... as mentioned above. I Meet with you ... Amen

Science of the dark ... Each person will understand it in then. Some people became thugs a radical Some revolutionary Some people like to collect art. Some anti- human And some publishers Whichever turns out to be shape, or ...

I personally choose to live peacefully. Created on And lifestyle Alongside it And education to go with it , what 's real and what 's fake and what is the current religious studies ... because I was on it for almost 10 years it will be ...
Thanks for your soul is sleeping and give strength to all the amen ...07-02-2014

.. ด้านมืด และบทเพลงแห่งด้านมืด ปราชญ์และศาสตร์มืด เป็นเพียง ที่ ๆ พักผ่อนหลับนอน ให้แก่ด้านที่ข้าพเจ้าอย่างเสรี เกื้อหนุน เป็นที่ ๆ ปลอดภัยยามข้านั้น หมดศรัทธา และมอบพลังให้ข้า มีแรงที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางที่แสนจะสกปรก ที่มนุษย์นั้น ทิ้งร่องรอย และความด่างพร้อยเอาไว้ .. ข้ามิใช่จัก แค่ใส่เสื้อ ฟังเพลง แล้วคลุ้มคลั่งไปกับมันโดยที่มิเคยได้ศึกษาอย่างแท้จริงว่า ศาสตร์ด้านนี้มิใช่แค่เพลง ที่ข้าพเจ้าเจอนั้น มีเหตุชีวิตให้ต้องพบเจอ บอกตรง ๆ ข้าพเจ้ามิเคยชอบเพลงแนวนี้ศาสตร์ด้านนี้ และไม่เคยคิดจะฟังมันแม้แต่น้อยแต่ชีวิต ก็มีเหตุต้องเป็นไป . . ...วิถีชีวิตที่เงียบ สงบ และอิงธรรมชาติ การหลุดพ้นดั่งที่ Gaahl แห่ง Gorgoroth ได้กล่าวเอาไว้ . . จากกรอบแห่งความวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ที่ไม่รู้จักจบสิ้น ของวงจร อุบาทว์ ด้านของโลกีย์ ที่มนุษย์ ได้ประเคนให้ ไม่เว้นแต่ละวัน ... มนุษย์ มีแต่ความโลภ และความต้องการ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด . . โลกประเคนให้ไม่เคยรู้จักคำว่าพอ . . แต่ข้าพเจ้าก็เอ่ยถึงแค่คนบางชนชั้นเท่านั้น เพราะคนดี ๆ ก็ยังมี พอจะมีบ้าง ...ที่เป็นมิตรสหายได้ ... ส่วนไอ้การกระทำที่ Maleficent Meditation ไอเศษมนุษย์ และเด็กอมมือ ที่เข้าใจ และทึกทักไปเอง ว่าซาตานเป็นแบบนั้น แบบนี้แล้วก็ไปฆ่าคนไม่ต่างจากเดรัจฉานที่ทำตัวนึง ... ก็ขอให้มัน ได้รับผลแห่งการกระทำ จากตัวของมันเองแล้วกั้น ผลแห่งการกระทำทุกอย่าง มันจะถูกลิขิตเอาไว้แล้ว...

โลกที่เงียบสงบหลังจากพายุได้พัดเข้ามา โถมใส่ชีวิตข้าพเจ้านั้น มันหนักหนาสาหัส จนบางครั้ง ก็ไม่เหลือความเชื่อ และศรัทธาในตัวมนุษย์ผู้ใดได้อีก ... ผู้ที่ทำชั่ว ก็จะไปตามกรรมที่กระทำของมัน ผู้ที่ทำดีก็จะได้รับสิ่งที่ดีตอบแทน ฉันใดฉันนั้น ... ผู้ใดกระทำและฝักใฝ่สิ่งใด ค้นหาสิ่งใด ก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน ไม่เร็ว ก็ช้า เพราะมันได้จัดสรรไว้ล่วงหน้าแล้ว ... ดั่งที่ข้าพเจ้า มาเจอกับพวกท่าน อาเมน ...

...ศาสตร์แห่งด้านมืดแล้วแต่ แต่ละคนจะเข้าใจมันในด้านใหน บางคนก็กลายเป็นอันธพาล เป็นหัวรุนแรง บางคนเป็นนักปฏิวัติ บางคนชอบในการสะสมศิลปะ บางคนแอนตี้มนุษย์ และบางคนเป็นผู้เผยแพร่ แล้วแต่จะออกมาเป็นรูปแบบใหน ...

ข้าเองเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบ บนเส้นทางที่สร้าง และใช้วิถีชีวิต ควบคู่ไปกับมัน และศึกษาไปกับมัน อะไรจริง อะไรกระแส อะไรของเก๊ และอะไรคือ ศาสนา ... เพราะข้านั้นศึกษากับมันเป็นเวลาเกือบ 10 ปีเห็นจะได้... ขอบคุณที่ให้จิตใจข้าพเจ้าเป็นที่หลับนอนและมอบความแข็งแกร่งให้ตลอดมา อาเมน ...

บทความ DiaryOfDarkness(Old Book) P.2

 

...เรื่องที่ไม่น่าเชื่อ ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง..!!!??
เกี่ยวกับฉันเองในวันวาน...
เกี่ยวกับฉันเองที่ยังคงเดินอยู่เพียงลำพัง...
และอยาก(ยาก) ที่จะลบบาดแผลในอดีต ที่มันฝังลึก และกัดกินทั้งตัว หัวใจ ร่างกาย และ หยั่งลึกถึงจิตวิญญาณแห่งความสกปรก อ
าฆาต พยาบาด และ เลือดที่ไม่มีวันหยุดไหล...??

..บาดแผลที่กำลังค่อย ๆเยียวยา.. จากความหวังคนเธอหนึ่ง..เธอคือคนที่จะลบบาดแผลที่ไร้การเยียวยาได้จริง หรือ.. คมมีด ถูกพักทิ้งไว้ บาดแผลค่อย ๆ สมาน..วิญญาณกำลังค่อย ๆสงบ ..

..ทุกครั้งที่ฉันพยายามจ้องมองตัวเองในเงามืด บนกระจก และหยิบมีดขึ้นมา มันค่อย ๆ ลากลงมากรีดที่บาดแผลเดิม และภาพเก่า ๆ มันก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของความเจ็บปวด ลึก ๆ แล้ว ฉันอยากให้มันจบสิ้นลงซักที พายุแห่งความชัง...ฉันมันแค่ซากคนที่กำลังอ้อนวอน ...

ทุกค่ำคืนฉันมักจะเหน็บคมมีดไว้ที่ปลายหมอนข้างซ้าย คอยย้ำเตือนสติอยู่เสมอ บาดแผลแห่งการชะล้างและการย้ำเตือนว่า นี่เป็นเรื่องจริง หรือ ฉันกำลังฝันร้ายกันแน่..?? แม้ว่าทุกครั้งแห่งรุ่งอรุณวันใหม่ จะทักทายด้วยคราบน้ำตา และปลอบปโลมฉันด้วยความว่างเปล่า...ความเงียบไร้ซึ่งผู้คน จะเป็นสิ่งที่ฉันปราถนามากที่สุด..

วันใหม่ที่หม่นหมอง..
วันใหม่ที่เงียบสงัด..
วันใหม่ที่มีแค่ฉัน..
และ วันใหม่..ที่ฉันเฝ้ารอ ..The day is depressive without disorder..

..ณ ตอนนี้ อยากจะขอบคุณเธออีกครั้ง ที่ในรอยยิ้ม และใบหน้า กับความรู้สึก จะช่วยเยียวยา มันได้.. และบางครั้ง ที่หันไปมองคมมีด ก็จะมีมือของเธอรั้งมันเอาไว้เสมอ..My keerati