Language..

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

ตอนที่ 5.Venom - Wel come to hell




Studio album by Venom
Released December 1981
Recorded August 1981 at Impulse Studios in Newcastle, England
Genre Speed metal, thrash metal, black metal
Length 39:26
Label Neat
Producer Keith Nichol, Venom
Venom chronology
Demon
(demo, 1980)
Welcome to Hell
(1981)
Black Metal
(1982)


Credits

  • Keith Nichol – producer

Track listing

All songs written and composed by Bray/Dunn/Lant. 
Side A
No. Title Length
1. "Sons of Satan"   3:38
2. "Welcome to Hell"   3:15
3. "Schizo"   3:34
4. "Mayhem with Mercy"   0:58
5. "Poison"   4:33
6. "Live Like an Angel (Die Like a Devil)"   3:59
Side B
No. Title Length
7. "Witching Hour"   3:40
8. "One Thousand Days in Sodom"   4:36
9. "Angel Dust"   2:43
10. "In League with Satan"   3:35
11. "Red Light Fever"   5:14
Comes with a 12-page booklet. Some versions have slipcase cover.


ขอบคุณที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Welcome_to_Hell



†×† ..SoundOfMadness.. †×†

ตอนที่ 4.Dark Funeral - Secrets Of the black Arts



Studio album by Dark Funeral
Released January 28, 1996
Recorded June 1995 at The Abyss Studios
Genre Black metal
Length 40:53
Language English
Label No Fashion
Producer Dark Funeral, Peter Tägtgren
Dark Funeral chronology
Dark Funeral
(1994)
The Secrets of the Black Arts
(1996)
Vobiscum Satanas
(1998)

Personnel

  • Lord Ahriman – guitars
  • Blackmoon – guitars, vocals (10)
  • Themgoroth – bass, vocals
  • Equimanthorn – drums

Track listing

  1. "The Dark Age Has Arrived (intro)" – 0:16
  2. "The Secrets of the Black Arts" – 3:42
  3. "My Dark Desires" – 3:47
  4. "The Dawn No More Rises" – 4:00
  5. "When Angels Forever Die" – 4:07
  6. "The Fire Eternal" – 3:55
  7. "Satan's Mayhem" – 4:54
  8. "Shadows over Transylvania" – 3:41
  9. "Bloodfrozen" – 4:21
  10. "Satanic Blood" (Von cover) – 2:11
  11. "Dark Are the Path to Eternity (A Summoning Nocturnal)" – 5:59

Bonus disc

  1. "Shadows over Transylvania" – 3:41
  2. "The Dawn No More Rises" – 4:00
  3. "The Secrets of the Black Arts" – 3:42
  4. "Satan's Mayhem" – 4:54
  5. "Bloodfrozen" – 4:21
  6. "My Dark Desires" – 3:47
  7. "Dark Are the Path to Eternity (A Summoning Nocturnal)" – 5:59
  8. "The Fire Eternal" – 3:55



 ขอบคุณที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/The_Secrets_of_the_Black_Arts

†×† ..SoundOfMadness.. †×†

ตอนที่ 3.Retrospect - Unleashed






Unleashed (พ.ศ. 2550)

สังกัด Genie Records GMM. (วางแผง 27/04/2550)
  1. ลุกขึ้นสู้ (Feat.Screamlab)
  2. คนบนฟ้า
  3. ปล่อยฉัน
  4. ความฝันของเรา
  5. เพราะว่ารัก
  6. ให้ฉันลืมเธอ
  7. ขอ
  8. คืนแห่งความเหงา
  9. เปลือก
  10. ไม่มีเธอ (Bonus Track จากอัลบั้ม Showroom)
  11. สุดที่รัก
  12. ปล่อยฉัน Acoustic Version (Bonus Track)
Produced by : Danai Thongsinthusak Mixed by : Liam Laurence


สมาชิก


เกิดที่ ประเทศไทย กรุงเทพ ประเทศไทย
แนวเพลง แทรชเมทัล อัลเทอร์เนทีฟ เมทัล เมทัลคอร์ สปีดเมทัล เฮฟวี่เมทัล ฮาร์ดร็อก
ปี 2547-ปัจจุบัน
ค่าย จีนี่ เรคคอร์ดส
 

ประวัติ

เริ่มจากเกมส์ Counter strike แน็ป (ร้องนำ) ได้พบกับ บอม (มือเบส) ในร้านเกม จนเริ่มสนิทสนมคุยกันถูกคอและชอบตกปลาเหมือนกันจึงชวนกันไปตกปลา แล้ววันที่ไปตกปลากันแน็ปได้เอาวิทยุไปด้วย แล้วเอาเทปเป็นเพลงเฮฟวี่เมทัลไปด้วย บอมซึ่งชอบฟังเพลงแนวนี้อยู่แล้วก็เลยพูดออกไป "ชอบฟังเพลงแบบนี้เหมือนกันเหรอ มีวงไหม เราเองก็คิดจะทำวงอยู่ แน็ปเค้าบอกว่าไม่มี ก็มาลองรวมๆกัน" เริ่มแรกจะมีอยู่ 4 คน พี่บิ๊ก,แน็ป,บอม,น๊อต โดยใช้ชื่อครั้งแรกว่า Retrospect ซึ่งเกิดจากการจิ้มลงไปใน Dictionary โดนที่ตัว R ลองหาคำที่มันดูแตกต่างไปเจอคำว่า "Retrospect" ซึ่ง แปลว่า การหวนรำลึก,คิดถึงอดีต ซึ่งในขณะนั้นกระแส Pop มาแรงมากครองตลาดในตอนนั้นทำให้วงรู้สึกว่าอยากจะมองสวนกระแสกลับไป ดนตรี Rock ที่มันหายไปนานในช่วงเวลานั้น เลยใช้คำว่า Retrospect เป็นชื่อวงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกรอบ

วง Retrospect แต่ละคนเคยผ่านเวทีประกวดทางดนตรีมาทั้งสิ้น...
  • บอม (เบส) และเพื่อนๆจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ เคยผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ถึง 2 ครั้ง ใน Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งในขณะนั้นศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ครั้งต่อมาก็ ม.3 ซึ่งเป็นวงอายุน้อยที่สุดในขณะนั้นจนถึงปัจจุบันที่ผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย
  • น๊อต (กีต้าร์) พร้อมเพื่อนจากจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ ก็เข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 5
  • แน็ป (นักร้อง) พร้อมเพื่อนโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 6
  • เบิร์ท (กลอง) พร้อมเพื่อนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 7 ตามหลังแน็ปมา 1 ปี พอดิบพอดี

ก่อตั้งวง

วง Retrospect เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2544 โดยมีบิ๊กพี่ชายของมือเบสเป็นแกนหลักด้วยการทำเพลง แนว Industrial Metal และมีแน็ปเป็นผู้เขียนโปรแกรมจำลองเสียงกลองและบันทึกเสียง หลังจากนั้นบอม (มือเบส) และน๊อต (มือกีตาร์) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก สมาชิกในยุคแรกจึงมี แน็ป (กลอง-ร้องนำ) บิ๊ก (กีตาร์) บอม (เบส) และน็อต (กีตาร์)
ดนตรีของวงช่วงแรกเป็นดนตรีแนว Metal Core ที่ค่อนข้างหยาบกระด้างและมีกลิ่นอายของ nu metal ดิบและรุนแรง พวกเขาเริ่มเล่นตามงานเล็ก ๆ ต่าง ๆ ได้สักพัก จึงรับสมัครมือกลองเพิ่ม จนกระทั่งแน็ปได้พบกับเบิร์ธเพื่อนสมัยประถม ซึ่งเป็นมือกลองที่เคยประกวดที่ต่าง ๆ แน็ปจึงชวนให้สมัครเป็นมือกลอง และได้รับการคัดเลือก ต่อมามือกีตาร์ผู้ก่อตั้งวงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำให้ Retrospect เหลือสมาชิกเพียง 4 คน

เริ่มเป็นที่รู้จัก

กลางปี พ.ศ. 2546 Retrospect ได้ออก E.P. ชุดแรก โดยการชักชวน และแนะนำจาก สยาม ชุมทอง (ต้น Dezember) โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า E.P. For Your Ears Only โดยทางวงแต่งคำร้อง ทำนอง เรียบเรียงเสียงประสาน ตลอดจนบันทึกเสียง ออกแบบปก แผ่นซีดี และสกรีนแผ่นเองเป็นจำนวน 150 แผ่น เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกที่งาน Territory Metal Fest ในงานนี้สมาชิกได้พบกับวง Bikini ซึ่งเป็นที่มาของ Screamlab กลุ่มดนตรีที่มาจากการรวมตัวของวงดนตรี 4 วง ประกอบไปด้วย Bikini Retrospect Housetrap และ Sweet Mullet

ก้าวสู่ค่ายใหญ่

ปลายปี พ.ศ. 2546 Retrospect ได้รับคัดเลือกให้ไปเล่นคอนเสิร์ตในงาน Fat Festival ครั้งที่ 3 ทางวงจึงวางแผนที่จะนำอัลบั้ม E.P. ที่วางขายเมื่อปีที่ผ่านมามาจำหน่ายอีกครั้ง และเพิ่มเพลงพิเศษหนึ่งเพลง ใช้ชื่อว่า E.P. For Your Ears Anytime จำนวน 150 แผ่น ระหว่างที่ทางวงออกทัวร์เล่นคอนเสิร์ตในที่ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็มีค่ายเพลงมาทาบทามให้ไปร่วมเซ็นสัญญาอยู่บ้าง แต่มีเงื่อนไขว่าวงอาจต้องลดความดุดัน และความรุนแรงลง ซึ่งพวกเขาคิดว่าจะเป็นการเสียเอกลักษณ์ในการทำดนตรีของวง พวกเขาจึงตั้งใจผลิตผลงานเพลงและออกแสดงคอนเสิร์ตต่อไป และจากการแนะนำของ เต๋า นักร้องนำวง Sweet Mullet พวกเขาจึงได้พบกับพี่โน่ ดนัย ธงสินธุศักดิ์ โปรดิวเซอร์ค่ายจีนี่ เร็คคอร์ด ซึ่งทางเขากำลังมองหาวงดนตรีแนวทางใหม่ๆ และเพลงนอกกระแสหรือเรียกว่า Underground ให้ได้มีผลงานในค่ายใหญ่ จึงเริ่มทำ Demo นำเสนอต่อทางค่าย และได้เซ็นสัญญากับ Genie-Records (จีนี่ เร็คคอร์ด) ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2547 และได้ออกซิงเกิล "ไม่มีเธอ" อัลบั้มรวมศิลปินใน Show room vol.1 ถือว่าเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น และเป็นเหมือนผลงานสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้ออกอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง Retrospect ออกอัลบั้มครั้งแรก ในชื่อ อัลบั้มว่า Unleashed (อันลีชด์) เมื่อปี พ.ศ. 2550 ซึ่งนำดนตรีที่เรียกว่าแนวเมทัลคอร์มานำเสนอให้แก่สายตาประชาชนชาวไทยซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เพราะถือเป็นวงเมทัลคอร์ไทยวง แรก ที่นำเอาวัฒนธรรมคอนเสิร์ต แบบที่เรียกว่า Hardcore Dancing มาเผยแพร่ ซึ่งทำให้กลุ่มแฟนเพลงของพวกเขาแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จาก Retrorian กลุ่มเล็กๆ ออกไปสู่แฟนเพลงทั่วประเทศ และหลังจากที่พวกเขาออก อัลบั้ม Unleashed เพลงที่รู้จักกันดีในอัลบั้มนั้นได้แก่ เพราะว่ารัก ปล่อยฉัน เปลือก ไม่มีเธอ สุดที่รัก พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก กลายเป็นปรากฏการณ์อย่างนึงเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเพลง "ปล่อยฉัน" บทเพลงแรกที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างรุนแรงจากแฟนเพลงที่ร่วมโหวตทำให้ ฮิตทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 คลื่นวิทยุ Hot 91.5 และ Seeds 97.5 อย่างรวดเร็วถึง 2 ชาร์ตพร้อมกันและยาวนานติดต่อกันถึง 3 อาทิตย์รวด ด้วยค่านิยมแบบการแต่งตัวที่ทำให้เด็กวัยรุ่นในช่วงนั้นนิยมใส่เสื้อสีดำและ เสื้อลายสก็อต ทำให้เสื้อลายสก็อตขาดตลาดไปพักนึงเลยทีเดียว ด้วยทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ แนวดนตรีที่ไม่ค่อยมีกลุ่มคนเล่นกันในวงกว้างและดูน่าสนใจ เลยทำให้มีแฟน Retrorian เป็นจำนวนมาก มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของอัลบั้มแรกในเวลาต่อมาไม่นาน กับ "Retrospect The First Concert"
MRD#2 "The Brand New Blood" เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่ถือว่า Retrospect เป็นศิลปินหลักในการขึ้นโชว์ ร่วมกับพี่น้องศิลปินสายเลือดใหม่อีกสี่วง Sweet Mullet, Klear, No More Tear
ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตไปด้วย ก็ได้แต่งเพลง ทำเพลงกันไปด้วย จนกลางปี พ.ศ. 2551 พวกเขาก็ได้ออก อัลบั้มใหม่นั้นก็คืออัลบั้ม Rise (ไร๊ส์) และเปิดตัวอัลบั้มที่สองด้วยซิงเกิล แรกก็คือเพลง แค่นิยาย ในอัลบั้มที่สองมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางดนตรีเพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ที่ ทางวงตั้งใจไว้และเชื่อมโยงกับชื่ออัลบั้ม Rise ที่แปลว่า "การทอแสง" เพลงที่เป็นที่นิยมในอัลบั้มนี้ได้แก่ แค่นิยาย กลับมา ร้องให้พอ ซึ่งได้มีแขกพิเศษมาร่วมงานในอัลบั้มนี้ด้วย เช่น ดา (ธนิดา ธรรมวิมล) Endorphine, ยอด Bodyslam, Vietrio หลังจากออกอัลบั้ม Rise ได้ไม่นาน กระแสตอบรับค่อนข้างดีจนได้มีโอกาสเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สอง "Retrospect Rise Now!! Concert"
ต่อมากับอัลบั้ม Project "PLAY" พ.ศ. 2552 เป็น อัลบั้มพิเศษของทาง Gmm Grammy ที่จัดขึ้นมาเพื่อฉลอง 25 Gmm Grammy โดยอัลบั้มนี้จะอยู่ในหมวดของ Rock โดยให้แต่ละศิลปินได้เลือกเพลงเก่าของตำนานของ Gmm Grammy มา Cover ใหม่ ให้เป็นแนวของศิลปินเอง โดยทางวงได้เลือกเพลง ละคอนฉากสุดท้าย ของ นันทิดา แก้วบัวสาย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา Retrospect ก็ได้ถูกจับตามองโดยทีมงานการจัดงาน "วัคเค่น" (Wacken Open Air) หรือ "W:A" และถูกเทียบเชิญให้ไปเล่นในงาน Wacken2009 ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2552 ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น มีแฟนเพลงที่เป็นชาวต่างชาติ และได้สร้างความภาคภูมิใจ นำธงชาติไทยไปโบกสะบัดอย่างสง่างามบนเวที ท่ามกลางฝูงชนที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก
มีนาคม พ.ศ. 2553 Retrospect ได้ปล่อยซิงเกิลแรกในอัลบั้มที่ 3 ออกมา "ศรัทธาแห่งรัก" ด้วยแนวเพลงที่เปลี่ยนไปอย่างมาก นำเสนอแนวเพลงในยุค 80 - Rock'n Roll โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการนำเพลงในช่วงนั้นกลับมาให้เด็กวัยรุ่นในยุคนี้ได้ รู้จักเพลงร็อคเก่าๆ กันอีกครั้ง ด้วยท่วงทำนองที่ไม่คุ้นหูเลยทำให้เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง ในช่วงปลายปี Retrospect ได้ฤกษ์วางแผงอัลบั้มอีกครั้ง กับอัลบั้ม The Lost souls (เดอะล๊อสโซลส์) เพลงที่เป็นที่นิยมได้แก่ ศรัทธาแห่งรัก, คือเธอใช่ไหม, รบกวนจำใส่ใจ, ให้โลกรู้ Feat. ปู Black head, กอดตัวเอง


จากผู้เขียน : อัลบั้มนี้ เป็นครั้ง ที่ 3 ที่ผมเปิดหูเข้าไปฟัง เอ่อ ตอนนั้นก็ อายุ 18 ปีเห็นจะได้ คือเพลงแรกมันหนักมากอะ ชื่อเพลง ไม่มีเธอ จากอัลบั้ม Showroom 1 ซึ่งก็ทำเอาคอ อินดี้ และ เพลงใต้ดิน เริ่มรู้จักและสัมผัสกันมากขึ้น ในอัลบั้ม Showroom 1 นั้น วงเด่น ๆ ก็น่าจะมี Sweet Mullet,Retrospect เห็นจะได้ ด้วยความที่การแต่งตัวแปลกใหม่ และ การกระชาก ว๊าก ผสมกับเพลงที่หนัก ๆ ชวนโยก และ แปลกหูเลยทำให้ Retrospect และ Sweet Mullet ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในกลุ่มวัยรุ่น (แต่สมัยนั้นผมเองก็ยังไม่เข้าใจอีกแหละว่า Metal คืออะไร) แล้วผมก็ตามฟังมาเรื่อย จากไม่มีเธอ มา ปล่อยฉัน มา EP.1 ปกแดง แล้วก็ครั้งล่าสุด คอนเสริฐเปิดพรมลิขิตของ Bigass ก็ทำให้แฟนเพลง ได้รับการตอบสนองมากขึ่นเรื่อย ๆ ด้วยท่าทีการร้องการสำรอก บวกกับ การแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ (เสื้อลายสก๊อตกางเกงขาเดฟ) ทำให้วัยรุ่นสมัยนั้นคลั่งและเอามาเป็น Idol กันมากพอสมควร ซึ่งผมเองก็ซื้อมาฟัง ในอัลบั้ม ที่ 3 Unleashed นั้น ด้วยราคาเพียง 180 บาทเห็นจะได้ ถ้าให้ไปตาม ซื้อ EP.1-2 คงไม่ทันหรอก เพราะทางวงเองทำออกมาขายเฉพาะงานเฟสติวัลเท่านั้น เลยได้แค่ อัลบั้ม 3 กับ CD Concert Unleashed ไว้ก่อน ซึ่งก็ได้ติดตามผลงานทางวง มาเรื่อย ๆ แต่ช่วงหลัง ๆ ทางวงมีแนวทางใหม่มากขึ้น ความหนักหน่วงในอดีต กับ คำร้องที่แข็งกร้าวก็ลดลงมาได้ซักระยะ เพราะ จะเน้นไปทาง Hard Rock คล้าย ๆ กับ Metallica อัลบั้มหลัง ๆ ก็น่าจะใช่ ... เออ แล้ว ทางวงเองเคยได้รับการเชิญทาง Email และ Myspace ให้ไปเล่นโชว์ในเทศกาล Wacken 2009 ที่มีวงดัง ๆ อย่าง Machine Head,Bring Me The Horizon,Motorhead,Hammer Fall และอีกเพียบที่มิได้เอ่ยถึง ก็ถือว่า ได้รับการตอบรับ และประสบความสำเร็จอย่างมาก จนไปถึง ต่างประเทศ น่าจะเป็น วง ไทย วง แรก ๆ ( ร๊อควัยรุ่น ) ที่ได้รับการเชิญให้ไปเล่นในเทศกาลดี ๆ แบบนี้ ผมเองก็ดีใจด้วยครับที่ทางวงทำสำเร็จ ไม่นึกว่าซาวด์จะเจ๋งขนาดไปต่างประเทศ ...



 



ทีนี้พอหลังจาก วง Retrospect ได้ทำ MV และ ผ่านเรื่องราวชีวิตมาได้ซักพัก ซึ่งก็ออกเพลง เหนื่อยใหม่หัวใจ กับ เจ็บกว่าเธอคือฉัน ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งจากตัวผมเองฟังก็ถือว่า ผ่านเลยแหละ ทั้งกระเดื่อง บวกกับเนื้อเพลง MV และจุดยืนของวงก็ทำออกมาได้ ไม่น้อยกว่าต้นฉบับเดิมเลยทีเดียว และหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ก็ยังคงดู Retrospect ผ่าน Facebook,Myspace,TV,CD - DVD ต่อไปและเป็นกำลังใจให้วงไทยรุ่นใหม่ ได้เติบโตไปสู่ต่างประเทศและได้รับการยอมรับมากขึ้นครับ



†×† ..SoundOfMadness.. †×†